หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ฟลูออไรด์” ผ่านโฆษณายาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากกันมาบ้างแล้ว แต่เคยสงสัยไหมว่าฟลูออไรด์มีความสำคัญอย่างไรต่อสุขภาพฟันของเรา? ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถเสริมความแข็งแรงให้กับเคลือบฟันและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากได้ดี จึงไม่แปลกใจที่ทันตแพทย์แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฟลูออไรด์อยู่เสมอ มาทำความรู้จักกับประโยชน์ของฟลูออไรด์กันให้มากขึ้น เพื่อให้เราสามารถดูแลสุขภาพฟันได้อย่างถูกต้องและมั่นใจยิ่งขึ้นกันเถอะค่ะ
ฟลูออไรด์ คืออะไร?
ฟลูออไรด์ (Fluoride) เป็นแร่ธาตุธรรมชาติที่พบได้ในดิน น้ำ โดยเฉพาะน้ำบาดาล รวมถึงในอาหารเช่นอาหารทะเล หรือใบชา ฟลูออไรด์ มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการดูแลสุขภาพฟัน ฟลูออไรด์เป็นตัวช่วยชั้นดีที่ช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมักถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือการเคลือบฟลูออไรด์ในคลินิกทันตกรรม เพราะฟลูออไรด์สามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟันของเรา ลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ และช่วยให้สุขภาพฟันของเราดีขึ้นในระยะยาว
แหล่งที่พบฟลูออไรด์
ฟลูออไรด์ที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เช่น ยาสีฟันหรือเจลเคลือบฟลูออไรด์ มักได้มาจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม โดยมีแหล่งที่มาหลัก ๆ อยู่สองประเภท ได้แก่ ฟลูออไรด์จากธรรมชาติ และ ฟลูออไรด์ที่สังเคราะห์ขึ้น ซึ่งกระบวนการในการนำฟลูออไรด์มาใช้มีรายละเอียดดังนี้:
1. ฟลูออไรด์จากธรรมชาติ
ฟลูออไรด์ในธรรมชาติมักพบในแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แร่ฟลูออไรต์ (Fluorite) หรือแคลเซียมฟลูออไรด์ (Calcium Fluoride) ซึ่งพบได้ในดิน หิน และแหล่งน้ำธรรมชาติ กระบวนการนำฟลูออไรด์จากธรรมชาติมาใช้จะเริ่มจากการทำเหมืองแร่เพื่อสกัดแร่ฟลูออไรต์ จากนั้นนำแร่มาผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์และแปรรูปเป็นฟลูออไรด์ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ได้ เช่น โซเดียมฟลูออไรด์ (Sodium Fluoride) หรือโซเดียมโมโนฟลูออโรฟอสเฟต (Sodium Monofluorophosphate) ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในยาสีฟัน
2. ฟลูออไรด์ที่สังเคราะห์ขึ้น
ฟลูออไรด์ที่ใช้ในยาสีฟันบางชนิดอาจได้จากกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมีในห้องปฏิบัติการ โดยเริ่มจากการนำสารประกอบฟลูออไรด์ เช่น กรดไฮโดรฟลูออริก (Hydrofluoric Acid) หรือกรดเฮกซะฟลูโอโรซิลิซิก (Hexafluorosilicic Acid) มาผสมกับสารเคมีอื่น ๆ จนได้เป็นฟลูออไรด์ในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น โซเดียมฟลูออไรด์ หรือสแตนนัสฟลูออไรด์ (Stannous Fluoride) ซึ่งมีความสามารถในการป้องกันฟันผุและลดการเกิดแบคทีเรียในช่องปากได้
ประโยชน์ของ ฟลูออไรด์
1. เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเคลือบฟัน (Enamel)
ฟลูออไรด์จะทำหน้าที่แทรกซึมเข้าไปในเนื้อฟัน ช่วยเสริมสร้างเคลือบฟันให้แข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะในเด็กที่ฟันกำลังเจริญเติบโต ฟลูออไรด์จะช่วยให้ฟันมีโครงสร้างที่แข็งแรง ป้องกันการเสื่อมสภาพหรือการสึกกร่อนของฟัน
2. ช่วยลดการเกิดฟันผุ
หนึ่งในประโยชน์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางของฟลูออไรด์ คือการลดการเกิดฟันผุ ฟลูออไรด์จะช่วยยับยั้งกระบวนการทำลายเคลือบฟันของแบคทีเรียในช่องปาก และเสริมกระบวนการสร้างแร่ธาตุกลับคืน (Remineralization) ในบริเวณที่เริ่มเกิดฟันผุ ทำให้ฟันกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง
3. ยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก
ฟลูออไรด์มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุ เช่น แบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส มิวแทนส์ (Streptococcus mutans) และแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ทำให้ช่องปากของเราสะอาดและลดความเสี่ยงต่อโรคเหงือกและฟันผุได้
4. ฟลูออไรด์กับการป้องกันฟันผุในเด็ก
ในเด็ก ฟลูออไรด์มีบทบาทสำคัญในการป้องกันฟันผุและเสริมสร้างความแข็งแรงให้ฟันตั้งแต่ช่วงที่ฟันกำลังพัฒนา การใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ หรือการเคลือบฟลูออไรด์ในคลินิก สามารถช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ฟลูออไรด์ในชีวิตประจำวัน
เราสามารถได้รับฟลูออไรด์จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำดื่มที่มีการเติมฟลูออไรด์ (ในบางประเทศ) สำหรับผู้ใหญ่ ควรเลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในระดับ 1,000-1,500 PPM (Parts Per Million) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันฟันผุ ส่วนในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฟลูออไรด์ต่ำกว่า 1,000 PPM เพื่อความปลอดภัย
บทความที่เกี่ยวข้อง: 7 ยาสีฟัน ฟลูออไรด์ ช่วยฟันขาวยอดนิยมในไทย(2024)
บทความที่เกี่ยวข้อง: 5 ยาสีฟันเด็ก ที่ดีที่สุดในปี 2024 ปลอดภัยและป้องกันฟันผุ
บทสรุป
ฟลูออไรด์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลสุขภาพฟันและช่องปาก ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟัน ลดความเสี่ยงการเกิดฟันผุ และช่วยให้ฟันของเรามีสุขภาพดีได้ในระยะยาว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฟลูออไรด์อย่างเหมาะสมและการได้รับฟลูออไรด์ในปริมาณที่เพียงพอ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณไม่มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีฟลูออไรด์เพียงพอหรือไม่ ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม